ผล งาน-เจาะเข้าไปใน เว็บไซต์ e-commerce ต่างๆแล้วขโมยข้อมูลหมายเลขบัตรเครดิตของลูกค้ามากว่า 26,000 หมายเลข แล้วโพสต์ขึ้นบนเว็บเพจของตนเอง สิ่งที่น่าสนใจ-เกรย์เรียกตัวเองว่า The saint(of e-commerce) เขาอ้างว่าการที่แฮ็กเข้าไปในเว็บไซต์เหล่นั้นก็เพื่อที่จะให้การช่วยเหลือ เว็บต่างๆเหล่านั้น(ช่วยยังไงมิทราบยะ) และนอกจากนี้หนึ่งในหมายเลขบัตรเครดิตที่เขา ขโมยมาก็เป็นของคนดังในโลกของไอ ที ที่มีชื่อว่า บิล เกตต์ และเกรย์ก็ได้จัดการส่งยาเม็ดไวอากร้า(!?!) ไปยังที่อยู่ของบิล เกตต์และนำมาโพสต์ลงบนเว็บไซต์อีกต่างหาก (แสบจริงๆ)
ผล งาน-ในช่วง ทศวรรษ 1970 เขาได้ชื่อว่าเป็นราชาแห่งการ crack โทรศัพท์(phone phreaking) เพราะในขณะนั้น ยังเป็นยุคที่ยังไม่มีอินเตอร์เน็ตและ PC ระบบที่ถือว่าใหญ่ที่สุดก็คือระบบโทรศัพท์และ Draper ก็ถือว่าเป็นเทพในด้านนี้
สิ่งที่น่าสนใจ-อุปกรณ์ที่ใช้ในการ crack โทรศัพท์ของDraper คือ หลอดพลาสติกที่อยู่ในกล่องซีเรียล(!?!)–ซึ่งก็คือข้าวโพดเกล็ดที่เรากินกับ นมนี่ล่ะ จากยี่ห้อ Cap’n Crunch cereal พลาสติกอันที่เค้าใช้เรียกว่า whistle หรือเครื่องเป่า ซึ่งจะทำให้เกิดคลื่นเสียงขนาด 2600 Hz ร่วมกับใช้ Bluebox ทำให้เค้าสามารถโทรศัพท์ได้ฟรี (ช่างคิดจริงๆ) แถมๆ หน้าตาของซีเรียลยี่ห้อ Cap’n Crunch ฮ่าๆๆ อยากโพสต์ให้ดูเพราะดิฉันว่ากล่องมันน่ารักดีอ่ะ
ผลงาน-บุกรุกเข้าเว็บไซต์แทบทุกประเภท ที่เด่นๆก็คือ เจาะระบบฐานข้อมูลและระบบดักฟังของของ FBI
สิ่ง ที่น่าสนใจ-เค้าเคยใช้ความสามารถพิเศษในการควบคุมระบบโทรศัพท์ของ Pacific Bellได้ เจาะเข้าไปในระบบโทรศัพท์ของสถานีวิทยุ KIIS-FM ใน LA ทำให้เค้าชนะการเล่นเกมส์และได้รางวัลมาเป็นรถ Porche!!! เอามาขับเล่นสบายใจพี่เค้าไป
ผล งาน-เป็นhacker ชาวรัสเซียที่อาศัยอยู่ในเอสโทเนีย เค้ารู้สึกผิดหวังจากการที่อนุสาวรีย์บรอนซ์ของทหารรัสเซียที่เสียชีวิตใน เอสโทเนียในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองถูกย้ายที่ เลยทำhack เข้าไปโจมตีระบบของ รัฐบาล,พรรคการเมืองต่างๆ,หนังสือพิมพ์ และสถาบันเศรษฐกิจ ทำให้ทั้งประเทศตกอยู่ในสภาพ “internet gridlock”–คือทั้ง ATM,เว็บไซต์ และระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐบาลอยู่ในสภาพที่ใช้การไม่ได้ แถมบางเว็บก็รีไดเร็คไปยังภาพของทหารโซเวียต และอ้างอิงถึง Martin Luther King เกี่ยวกับการ “ต่อต้านสิ่งชั่วร้าย”อีกต่างหาก
ผล งาน-เจาะระบบมากมาย ตั้งแต่บริษัทโทรศัพท์ BellSouthไปจนถึงหน่วยงาน DTRA ในกระทรวงกลาโหมสหรัฐ และที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในปี 1999 เขาได้ Hack เข้าไปฝังตัว Backdoor ใน Nasaซึ่งทำให้อ่านข้อมูลลับได้มากมายรวมไปถึงขโมยโปรแกรมที่ทาง Nasaพัฒนาขึ้นด้วยเงินมหาศาลถึง 1.7 ล้านดอลล่าร์สหรัฐไปอีกด้วยซึ่งในภายหลังทาง Nasa ต้องปิดระบบถึงสามสัปดาห์เพื่อแก้ไขทำให้สูญเสียเงินไปอีก 41,000 ดอลล่าร์สหรัฐ
สิ่งที่น่าสนใจ-ตอนที่โดนจับ James มีอายุเพียง 15 ปี(!?!) และเค้าได้ให้การกับศาลว่าแค่อยากได้โปรแกรมมาเพื่อฝึกฝีมือภาษา C ของตัวเองเท่านั้นแต่พอขโมยมาได้ ก็กลับถามว่าโปรแกรมห่วยๆนั่นมีค่าถึง 1.7ล้านดอลล่าร์เลยเหรอ(ช่างกล้า)
ผล งาน-เจาะระบบของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ซึ่งรวมถึง นาวิกโยธิน,นาซา,FAA(ทบวงการบินพลเรือน)และ กระทรวงกลาโหม โดยพวกเค้าให้เหตุผลว่าที่ทำไปก็เพื่อเปิดเผยความล้มเหลวของระบบรักษาความ ปลอดภัย และต้องการปกป้องประเทศจากสงครามภายหลังเหตุการณ์ 911
ผลงาน-ร่วมมือกับ John Markoffในการช่วยเหลือ FBI ไล่จับสุดยอดแฮกเกอร์ของโลก นั่นก็คือ Kevin Mitnick
สิ่ง ที่น่าสนใจ-เขาเป็นลูกชายของ Osamu Shimomura นักวิทยาศาสตร์ที่ได้รับรางวัลโนเบล สาขาเคมี(ปี 2008) นอกจากนี้เค้ายังได้เขียนหนังสือเรื่อง TakeDown เป็นเรื่องราวของการไล่จับ KevinMitnick ซึ่งต่อมาได้ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่อง TakeDown ด้วย
สิ่งที่น่าสนใจ-เค้าคือผู้ที่ร่วมก่อตั้ง Apple Computer ผล งาน-หลังจากที่ Wozniak อ่านบทความเรื่องการเจาะระบบโทรศัพท์ ในหนังสือ Esquire (ใช่ Esquire ที่เป็นหนังสือแฟชั่นของผู้ชายรึป่าว!?) เข้าหลังจากที่คุยกับ Steve Jobs พวกเขาก็ได้คิดค้น BlueBoxเครื่องเจาะระบบโทรศัพท์ที่ทำให้สามารถ โทรทางไกลได้ฟรีๆ เท่านั้นยังไม่พอ มีครั้งหนึ่ง Steve Wozniak ได้แอบใช้เครื่อง BlueBox โทรหาพระสันตปาปาโดยปลอมตัวว่าเป็น Henry Kissingerรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐในตอนนั้นอีกด้วย (ช่างกล้า)
สิ่งที่น่าสนใจ-เค้าคนนี้คือผู้ที่ คิดค้น www ขึ้นมา Leeเป็นลูกของสองนักคณิตศาสตร์ระดับโลก Convey และ Mary Berners-Leeซึ่งเป็นทีมสร้างเครื่องคอมพิวเตอร์ Manchester Mark 1เครื่องคอมพิวเตอร์รุ่นแรกๆของโลก ในปี 2532 Tim Berners-Lee ทำงานเป็นFreeLance อยู่ที่ CERN (ศูนย์วิจัยเรื่องนิวเคลียร์ของยุโรป)ซึ่งเป็นเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่ใหญ่ ที่สุดของยุโรปเขาได้คิดค้นระบบข้อความหลายมิติ (Hypertext) ขึ้นมา ซึ่งเมื่อนำมาผนวกเข้ากับ TCP และ DNS แล้ว มันจึงกลายมาเป็นเครือข่าย www ในปัจจุบัน (เจ๋งจริงๆ)
ปล.เว็บไซต์แรกของโลกคือ Welcome to info.cern.ch สร้างขึ้นโดย Tim Berners-Lee คนนี้นี่เอง
ผล งานทางด้าน hacker-เค้าเคยถูกจับได้ว่า hack รหัสผ่าน(acess code)เมื่อตอนเรียนอยู่ Oxford จึงทำให้ถูกไล่ออกจากมหาวิทยาลัย(ซะอย่างนั้น)
ผลงาน-ตอนที่ทำ งานอยู่ที่ MIT ในฐานะของ StaffComputer ทุกครั้งที่มีระบบอะไรใหม่ๆติดตั้งเข้าไปและมีรหัสผ่านกำกับอยู่ Stallman จะหาทางแฮกและปลดรหัสผ่านออกทุกครั้ง เสร็จแล้วก็ hack Printerต่อเพื่อพิมพ์ข้อความบอกคนอื่นๆว่าระบบไหนอยู่ที่ไหนปลดรหัสผ่านอะไร ไปแล้วบ้าง สิ่งที่น่าสนใจ-ผู้ริเริ่มโครงการ GNU และมูลนิธิซอฟท์แวร์เสรีรวมไปถึงผู้ริเริ่มแนวคิดเรื่อง Copyleft และเป็นผู้ร่างสัญญาอนุญาตให้ใช้ได้ทั่วไป และต่อในภายหลังสัญญานี้ได้กลายเป็น บรรทัดฐานซอฟท์แวร์เสรีจำนวนมาก
5.Raphael Gray - ชื่อในวงการ Curador
ผล งาน-เจาะเข้าไปใน เว็บไซต์ e-commerce ต่างๆแล้วขโมยข้อมูลหมายเลขบัตรเครดิตของลูกค้ามากว่า 26,000 หมายเลข แล้วโพสต์ขึ้นบนเว็บเพจของตนเอง สิ่งที่น่าสนใจ-เกรย์เรียกตัวเองว่า The saint(of e-commerce) เขาอ้างว่าการที่แฮ็กเข้าไปในเว็บไซต์เหล่นั้นก็เพื่อที่จะให้การช่วยเหลือ เว็บต่างๆเหล่านั้น(ช่วยยังไงมิทราบยะ) และนอกจากนี้หนึ่งในหมายเลขบัตรเครดิตที่เขา ขโมยมาก็เป็นของคนดังในโลกของไอ ที ที่มีชื่อว่า บิล เกตต์ และเกรย์ก็ได้จัดการส่งยาเม็ดไวอากร้า(!?!) ไปยังที่อยู่ของบิล เกตต์และนำมาโพสต์ลงบนเว็บไซต์อีกต่างหาก (แสบจริงๆ)
6 .John Draper – มีนามแฝงว่า Cap’n Crunch
ผล งาน-ในช่วง ทศวรรษ 1970 เขาได้ชื่อว่าเป็นราชาแห่งการ crack โทรศัพท์(phone phreaking) เพราะในขณะนั้น ยังเป็นยุคที่ยังไม่มีอินเตอร์เน็ตและ PC ระบบที่ถือว่าใหญ่ที่สุดก็คือระบบโทรศัพท์และ Draper ก็ถือว่าเป็นเทพในด้านนี้
สิ่งที่น่าสนใจ-อุปกรณ์ที่ใช้ในการ crack โทรศัพท์ของDraper คือ หลอดพลาสติกที่อยู่ในกล่องซีเรียล(!?!)–ซึ่งก็คือข้าวโพดเกล็ดที่เรากินกับ นมนี่ล่ะ จากยี่ห้อ Cap’n Crunch cereal พลาสติกอันที่เค้าใช้เรียกว่า whistle หรือเครื่องเป่า ซึ่งจะทำให้เกิดคลื่นเสียงขนาด 2600 Hz ร่วมกับใช้ Bluebox ทำให้เค้าสามารถโทรศัพท์ได้ฟรี (ช่างคิดจริงๆ) แถมๆ หน้าตาของซีเรียลยี่ห้อ Cap’n Crunch ฮ่าๆๆ อยากโพสต์ให้ดูเพราะดิฉันว่ากล่องมันน่ารักดีอ่ะ
7. Kevin Poulsen – ชื่อในวงการคือ Dark Dante
ผลงาน-บุกรุกเข้าเว็บไซต์แทบทุกประเภท ที่เด่นๆก็คือ เจาะระบบฐานข้อมูลและระบบดักฟังของของ FBI
สิ่ง ที่น่าสนใจ-เค้าเคยใช้ความสามารถพิเศษในการควบคุมระบบโทรศัพท์ของ Pacific Bellได้ เจาะเข้าไปในระบบโทรศัพท์ของสถานีวิทยุ KIIS-FM ใน LA ทำให้เค้าชนะการเล่นเกมส์และได้รางวัลมาเป็นรถ Porche!!! เอามาขับเล่นสบายใจพี่เค้าไป
ปัจจุบัน-เป็น นักข่าวอาวุโสของสำนักข่าว Wired Newsและคอยช่วยเหลือในการไล่จับพวก BlackHat คนอื่นๆ
8. Dmitri Galushkevich
ผล งาน-เป็นhacker ชาวรัสเซียที่อาศัยอยู่ในเอสโทเนีย เค้ารู้สึกผิดหวังจากการที่อนุสาวรีย์บรอนซ์ของทหารรัสเซียที่เสียชีวิตใน เอสโทเนียในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองถูกย้ายที่ เลยทำhack เข้าไปโจมตีระบบของ รัฐบาล,พรรคการเมืองต่างๆ,หนังสือพิมพ์ และสถาบันเศรษฐกิจ ทำให้ทั้งประเทศตกอยู่ในสภาพ “internet gridlock”–คือทั้ง ATM,เว็บไซต์ และระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐบาลอยู่ในสภาพที่ใช้การไม่ได้ แถมบางเว็บก็รีไดเร็คไปยังภาพของทหารโซเวียต และอ้างอิงถึง Martin Luther King เกี่ยวกับการ “ต่อต้านสิ่งชั่วร้าย”อีกต่างหาก
9. Jonathan James - ชื่อในวงการ คือ c0mrade
ผล งาน-เจาะระบบมากมาย ตั้งแต่บริษัทโทรศัพท์ BellSouthไปจนถึงหน่วยงาน DTRA ในกระทรวงกลาโหมสหรัฐ และที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในปี 1999 เขาได้ Hack เข้าไปฝังตัว Backdoor ใน Nasaซึ่งทำให้อ่านข้อมูลลับได้มากมายรวมไปถึงขโมยโปรแกรมที่ทาง Nasaพัฒนาขึ้นด้วยเงินมหาศาลถึง 1.7 ล้านดอลล่าร์สหรัฐไปอีกด้วยซึ่งในภายหลังทาง Nasa ต้องปิดระบบถึงสามสัปดาห์เพื่อแก้ไขทำให้สูญเสียเงินไปอีก 41,000 ดอลล่าร์สหรัฐ
สิ่งที่น่าสนใจ-ตอนที่โดนจับ James มีอายุเพียง 15 ปี(!?!) และเค้าได้ให้การกับศาลว่าแค่อยากได้โปรแกรมมาเพื่อฝึกฝีมือภาษา C ของตัวเองเท่านั้นแต่พอขโมยมาได้ ก็กลับถามว่าโปรแกรมห่วยๆนั่นมีค่าถึง 1.7ล้านดอลล่าร์เลยเหรอ(ช่างกล้า)
10.The Deceptive Duo - หรือคู่หูจอมหลอกลวง ประกอบไปด้วยสมาชิก 2 คนคือ Benjamin Stark อายุ 20 c]t Robert Lyttle อายุ 18 ปี
ผล งาน-เจาะระบบของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ซึ่งรวมถึง นาวิกโยธิน,นาซา,FAA(ทบวงการบินพลเรือน)และ กระทรวงกลาโหม โดยพวกเค้าให้เหตุผลว่าที่ทำไปก็เพื่อเปิดเผยความล้มเหลวของระบบรักษาความ ปลอดภัย และต้องการปกป้องประเทศจากสงครามภายหลังเหตุการณ์ 911
นี่ คือ 10 Hacker ระดับโลกที่ใช้ความรู้ของตนเองในการก่อความเสียหายให้กับระบบคอมพิวเตอร์ (แม้ว่าบางทีอาจจะเกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ?) แต่ก็ยังมี hacker อีกประเภทนึงที่ใช้ความรู้ในทางที่เป็นประโยชน์ ที่เราเรียกหันว่า พวก White hat ดังตัวอย่างต่อไปนี้
1.Tsutomu Shimomura ชาวญี่ปุ่น
ผลงาน-ร่วมมือกับ John Markoffในการช่วยเหลือ FBI ไล่จับสุดยอดแฮกเกอร์ของโลก นั่นก็คือ Kevin Mitnick
สิ่ง ที่น่าสนใจ-เขาเป็นลูกชายของ Osamu Shimomura นักวิทยาศาสตร์ที่ได้รับรางวัลโนเบล สาขาเคมี(ปี 2008) นอกจากนี้เค้ายังได้เขียนหนังสือเรื่อง TakeDown เป็นเรื่องราวของการไล่จับ KevinMitnick ซึ่งต่อมาได้ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่อง TakeDown ด้วย
2.Stephen Wozniak
สิ่งที่น่าสนใจ-เค้าคือผู้ที่ร่วมก่อตั้ง Apple Computer ผล งาน-หลังจากที่ Wozniak อ่านบทความเรื่องการเจาะระบบโทรศัพท์ ในหนังสือ Esquire (ใช่ Esquire ที่เป็นหนังสือแฟชั่นของผู้ชายรึป่าว!?) เข้าหลังจากที่คุยกับ Steve Jobs พวกเขาก็ได้คิดค้น BlueBoxเครื่องเจาะระบบโทรศัพท์ที่ทำให้สามารถ โทรทางไกลได้ฟรีๆ เท่านั้นยังไม่พอ มีครั้งหนึ่ง Steve Wozniak ได้แอบใช้เครื่อง BlueBox โทรหาพระสันตปาปาโดยปลอมตัวว่าเป็น Henry Kissingerรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐในตอนนั้นอีกด้วย (ช่างกล้า)
3.Tim Berners-Lee
สิ่งที่น่าสนใจ-เค้าคนนี้คือผู้ที่ คิดค้น www ขึ้นมา Leeเป็นลูกของสองนักคณิตศาสตร์ระดับโลก Convey และ Mary Berners-Leeซึ่งเป็นทีมสร้างเครื่องคอมพิวเตอร์ Manchester Mark 1เครื่องคอมพิวเตอร์รุ่นแรกๆของโลก ในปี 2532 Tim Berners-Lee ทำงานเป็นFreeLance อยู่ที่ CERN (ศูนย์วิจัยเรื่องนิวเคลียร์ของยุโรป)ซึ่งเป็นเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่ใหญ่ ที่สุดของยุโรปเขาได้คิดค้นระบบข้อความหลายมิติ (Hypertext) ขึ้นมา ซึ่งเมื่อนำมาผนวกเข้ากับ TCP และ DNS แล้ว มันจึงกลายมาเป็นเครือข่าย www ในปัจจุบัน (เจ๋งจริงๆ)
ปล.เว็บไซต์แรกของโลกคือ Welcome to info.cern.ch สร้างขึ้นโดย Tim Berners-Lee คนนี้นี่เอง
ผล งานทางด้าน hacker-เค้าเคยถูกจับได้ว่า hack รหัสผ่าน(acess code)เมื่อตอนเรียนอยู่ Oxford จึงทำให้ถูกไล่ออกจากมหาวิทยาลัย(ซะอย่างนั้น)
4.Richard Stallman
5.Raphael Gray - ชื่อในวงการ Curador
ผล งาน-เจาะเข้าไปใน เว็บไซต์ e-commerce ต่างๆแล้วขโมยข้อมูลหมายเลขบัตรเครดิตของลูกค้ามากว่า 26,000 หมายเลข แล้วโพสต์ขึ้นบนเว็บเพจของตนเอง สิ่งที่น่าสนใจ-เกรย์เรียกตัวเองว่า The saint(of e-commerce) เขาอ้างว่าการที่แฮ็กเข้าไปในเว็บไซต์เหล่นั้นก็เพื่อที่จะให้การช่วยเหลือ เว็บต่างๆเหล่านั้น(ช่วยยังไงมิทราบยะ) และนอกจากนี้หนึ่งในหมายเลขบัตรเครดิตที่เขา ขโมยมาก็เป็นของคนดังในโลกของไอ ที ที่มีชื่อว่า บิล เกตต์ และเกรย์ก็ได้จัดการส่งยาเม็ดไวอากร้า(!?!) ไปยังที่อยู่ของบิล เกตต์และนำมาโพสต์ลงบนเว็บไซต์อีกต่างหาก (แสบจริงๆ)
6 .John Draper – มีนามแฝงว่า Cap’n Crunch
ผล งาน-ในช่วง ทศวรรษ 1970 เขาได้ชื่อว่าเป็นราชาแห่งการ crack โทรศัพท์(phone phreaking) เพราะในขณะนั้น ยังเป็นยุคที่ยังไม่มีอินเตอร์เน็ตและ PC ระบบที่ถือว่าใหญ่ที่สุดก็คือระบบโทรศัพท์และ Draper ก็ถือว่าเป็นเทพในด้านนี้
สิ่งที่น่าสนใจ-อุปกรณ์ที่ใช้ในการ crack โทรศัพท์ของDraper คือ หลอดพลาสติกที่อยู่ในกล่องซีเรียล(!?!)–ซึ่งก็คือข้าวโพดเกล็ดที่เรากินกับ นมนี่ล่ะ จากยี่ห้อ Cap’n Crunch cereal พลาสติกอันที่เค้าใช้เรียกว่า whistle หรือเครื่องเป่า ซึ่งจะทำให้เกิดคลื่นเสียงขนาด 2600 Hz ร่วมกับใช้ Bluebox ทำให้เค้าสามารถโทรศัพท์ได้ฟรี (ช่างคิดจริงๆ) แถมๆ หน้าตาของซีเรียลยี่ห้อ Cap’n Crunch ฮ่าๆๆ อยากโพสต์ให้ดูเพราะดิฉันว่ากล่องมันน่ารักดีอ่ะ
7. Kevin Poulsen – ชื่อในวงการคือ Dark Dante
ผลงาน-บุกรุกเข้าเว็บไซต์แทบทุกประเภท ที่เด่นๆก็คือ เจาะระบบฐานข้อมูลและระบบดักฟังของของ FBI
สิ่ง ที่น่าสนใจ-เค้าเคยใช้ความสามารถพิเศษในการควบคุมระบบโทรศัพท์ของ Pacific Bellได้ เจาะเข้าไปในระบบโทรศัพท์ของสถานีวิทยุ KIIS-FM ใน LA ทำให้เค้าชนะการเล่นเกมส์และได้รางวัลมาเป็นรถ Porche!!! เอามาขับเล่นสบายใจพี่เค้าไป
ปัจจุบัน-เป็น นักข่าวอาวุโสของสำนักข่าว Wired Newsและคอยช่วยเหลือในการไล่จับพวก BlackHat คนอื่นๆ
8. Dmitri Galushkevich
ผล งาน-เป็นhacker ชาวรัสเซียที่อาศัยอยู่ในเอสโทเนีย เค้ารู้สึกผิดหวังจากการที่อนุสาวรีย์บรอนซ์ของทหารรัสเซียที่เสียชีวิตใน เอสโทเนียในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองถูกย้ายที่ เลยทำhack เข้าไปโจมตีระบบของ รัฐบาล,พรรคการเมืองต่างๆ,หนังสือพิมพ์ และสถาบันเศรษฐกิจ ทำให้ทั้งประเทศตกอยู่ในสภาพ “internet gridlock”–คือทั้ง ATM,เว็บไซต์ และระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐบาลอยู่ในสภาพที่ใช้การไม่ได้ แถมบางเว็บก็รีไดเร็คไปยังภาพของทหารโซเวียต และอ้างอิงถึง Martin Luther King เกี่ยวกับการ “ต่อต้านสิ่งชั่วร้าย”อีกต่างหาก
9. Jonathan James - ชื่อในวงการ คือ c0mrade
ผล งาน-เจาะระบบมากมาย ตั้งแต่บริษัทโทรศัพท์ BellSouthไปจนถึงหน่วยงาน DTRA ในกระทรวงกลาโหมสหรัฐ และที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในปี 1999 เขาได้ Hack เข้าไปฝังตัว Backdoor ใน Nasaซึ่งทำให้อ่านข้อมูลลับได้มากมายรวมไปถึงขโมยโปรแกรมที่ทาง Nasaพัฒนาขึ้นด้วยเงินมหาศาลถึง 1.7 ล้านดอลล่าร์สหรัฐไปอีกด้วยซึ่งในภายหลังทาง Nasa ต้องปิดระบบถึงสามสัปดาห์เพื่อแก้ไขทำให้สูญเสียเงินไปอีก 41,000 ดอลล่าร์สหรัฐ
สิ่งที่น่าสนใจ-ตอนที่โดนจับ James มีอายุเพียง 15 ปี(!?!) และเค้าได้ให้การกับศาลว่าแค่อยากได้โปรแกรมมาเพื่อฝึกฝีมือภาษา C ของตัวเองเท่านั้นแต่พอขโมยมาได้ ก็กลับถามว่าโปรแกรมห่วยๆนั่นมีค่าถึง 1.7ล้านดอลล่าร์เลยเหรอ(ช่างกล้า)
10.The Deceptive Duo - หรือคู่หูจอมหลอกลวง ประกอบไปด้วยสมาชิก 2 คนคือ Benjamin Stark อายุ 20 c]t Robert Lyttle อายุ 18 ปี
ผล งาน-เจาะระบบของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ซึ่งรวมถึง นาวิกโยธิน,นาซา,FAA(ทบวงการบินพลเรือน)และ กระทรวงกลาโหม โดยพวกเค้าให้เหตุผลว่าที่ทำไปก็เพื่อเปิดเผยความล้มเหลวของระบบรักษาความ ปลอดภัย และต้องการปกป้องประเทศจากสงครามภายหลังเหตุการณ์ 911
นี่ คือ 10 Hacker ระดับโลกที่ใช้ความรู้ของตนเองในการก่อความเสียหายให้กับระบบคอมพิวเตอร์ (แม้ว่าบางทีอาจจะเกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ?) แต่ก็ยังมี hacker อีกประเภทนึงที่ใช้ความรู้ในทางที่เป็นประโยชน์ ที่เราเรียกหันว่า พวก White hat ดังตัวอย่างต่อไปนี้
1.Tsutomu Shimomura ชาวญี่ปุ่น
ผลงาน-ร่วมมือกับ John Markoffในการช่วยเหลือ FBI ไล่จับสุดยอดแฮกเกอร์ของโลก นั่นก็คือ Kevin Mitnick
สิ่ง ที่น่าสนใจ-เขาเป็นลูกชายของ Osamu Shimomura นักวิทยาศาสตร์ที่ได้รับรางวัลโนเบล สาขาเคมี(ปี 2008) นอกจากนี้เค้ายังได้เขียนหนังสือเรื่อง TakeDown เป็นเรื่องราวของการไล่จับ KevinMitnick ซึ่งต่อมาได้ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่อง TakeDown ด้วย
2.Stephen Wozniak
สิ่งที่น่าสนใจ-เค้าคือผู้ที่ร่วมก่อตั้ง Apple Computer ผล งาน-หลังจากที่ Wozniak อ่านบทความเรื่องการเจาะระบบโทรศัพท์ ในหนังสือ Esquire (ใช่ Esquire ที่เป็นหนังสือแฟชั่นของผู้ชายรึป่าว!?) เข้าหลังจากที่คุยกับ Steve Jobs พวกเขาก็ได้คิดค้น BlueBoxเครื่องเจาะระบบโทรศัพท์ที่ทำให้สามารถ โทรทางไกลได้ฟรีๆ เท่านั้นยังไม่พอ มีครั้งหนึ่ง Steve Wozniak ได้แอบใช้เครื่อง BlueBox โทรหาพระสันตปาปาโดยปลอมตัวว่าเป็น Henry Kissingerรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐในตอนนั้นอีกด้วย (ช่างกล้า)
3.Tim Berners-Lee
สิ่งที่น่าสนใจ-เค้าคนนี้คือผู้ที่ คิดค้น www ขึ้นมา Leeเป็นลูกของสองนักคณิตศาสตร์ระดับโลก Convey และ Mary Berners-Leeซึ่งเป็นทีมสร้างเครื่องคอมพิวเตอร์ Manchester Mark 1เครื่องคอมพิวเตอร์รุ่นแรกๆของโลก ในปี 2532 Tim Berners-Lee ทำงานเป็นFreeLance อยู่ที่ CERN (ศูนย์วิจัยเรื่องนิวเคลียร์ของยุโรป)ซึ่งเป็นเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่ใหญ่ ที่สุดของยุโรปเขาได้คิดค้นระบบข้อความหลายมิติ (Hypertext) ขึ้นมา ซึ่งเมื่อนำมาผนวกเข้ากับ TCP และ DNS แล้ว มันจึงกลายมาเป็นเครือข่าย www ในปัจจุบัน (เจ๋งจริงๆ)
ปล.เว็บไซต์แรกของโลกคือ Welcome to info.cern.ch สร้างขึ้นโดย Tim Berners-Lee คนนี้นี่เอง
ผล งานทางด้าน hacker-เค้าเคยถูกจับได้ว่า hack รหัสผ่าน(acess code)เมื่อตอนเรียนอยู่ Oxford จึงทำให้ถูกไล่ออกจากมหาวิทยาลัย(ซะอย่างนั้น)
4.Richard Stallman
ผลงาน-ตอนที่ทำ งานอยู่ที่ MIT ในฐานะของ StaffComputer ทุกครั้งที่มีระบบอะไรใหม่ๆติดตั้งเข้าไปและมีรหัสผ่านกำกับอยู่ Stallman จะหาทางแฮกและปลดรหัสผ่านออกทุกครั้ง เสร็จแล้วก็ hack Printerต่อเพื่อพิมพ์ข้อความบอกคนอื่นๆว่าระบบไหนอยู่ที่ไหนปลดรหัสผ่านอะไร ไปแล้วบ้าง สิ่งที่น่าสนใจ-ผู้ริเริ่มโครงการ GNU และมูลนิธิซอฟท์แวร์เสรีรวมไปถึงผู้ริเริ่มแนวคิดเรื่อง Copyleft และเป็นผู้ร่างสัญญาอนุญาตให้ใช้ได้ทั่วไป และต่อในภายหลังสัญญานี้ได้กลายเป็น บรรทัดฐานซอฟท์แวร์เสรีจำนวนมาก
ขอขอบคุณแหล่งที่มา :
http://www.coolpicturegallery.net
http://science.discovery.com
http:/www.gconfaqs.com
http://suntos.wordpress.com/2009/12/05/สุดยอดแฮกเกอร์-10-อันดับข/
http://science.discovery.com
http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X8537135/X8537135.html
http://www.soldierx.com/hdb/Dmitri-Galushkevich http://www.wikipedia.org